เรื่องทั้งหมดโดย admin
#ตำราหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

#ตำราหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
ธาตุทั้ง ๔
นะอุอะมะพะทะนะ ธาตุดิน
ทะอุอะนะมะพะทะ ธาตุน้ำ
พะอุอะทะนะมะพะ ธาตุลม
มะอุอะพะทะนะมะ ธาตุไฟ
ถ้าจะทำให้คนจำไม่ได้หรือเรียกว่าแปลงกาย เดินไปไหนคนเห็นเป็นคนแปลกหน้า
เมื่อทำแล้วเกิดเป็นเสน่ห์มหานิยมและอยู่ยงคงกระพันชาตรีด้วย ท่านให้เอาแป้งหอม
มาเสก ๗ คาบ ทาหน้าทาตามตัวแล้วเสกเครื่องแต่งกายอีก ๗ คาบ แล้วสวมใส่จะมีความ
สง่าน่าเกรงขามท่านให้เสกด้วยคาถานี้
อะวิสุนุสสา นุสติอะฯ
– แล้วเอาธาตุดินกับธาตุลมเสกหนุนไปด้วยจนครบ ๗ คาบ จะสำเร็จความตามมุ่งหวัง
ทุกประการ
– ถ้าจะเสกน้ำมันหอม น้ำมันจันทร์ ขี้ผึ้ง ให้เดือดเหมือนตั้งไฟร้อนๆ จะมีอานุภาพทางเมตตา
มหานิยม คงทนต่อปืน ไฟ ทุกชนิด อมน้ำมันใส่ปากพ่นสะเดาะโซ่ตรวนหลุดออกสิ้น ท่าน
ให้เอาธาตุไฟ เสกกับธาตุน้ำ ๓-๗ คาบ
-ถ้าจะผูกหุ่นพยนต์ให้เป็นคนเฝ้าบ้านหรือจะใช้สิ่งใดทุกประการ ท่านให้เอาไม้ไผ่หามผี
ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร มาจักเป็นตอกผูกเป็นหุ่นรูปคน คือเอาผ้าขาวหรือหญ้าคาก็ได้
แต่ต้องเอาถ่านไปเผาผียัดใส่อกหุ่นเมื่อจะเอาถ่านไฟที่เผา เสร็จแล้วจะต้องทำการเซ่น
เสียก่อนเอาเหล้า ๑ ขวด ไก่ ๑ ตัวเซ่น แล้วเอาไม้หามผีมาทำอาวุธให้หุ่นถือ จะเป็นมีด
หรือไม้ก็ตาม แล้วจึงเสกคาถาบริกรรม ๑๐๘ คาบ ว่าคาถาดังนี้
ปฏิรูปัง ปฏิรูปัง ปฏิรูปัง ฯ
แล้วเอาธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ หนุนไปด้วย เสกไปจนหุ่นนั้นลุกขึ้น วันแรกจะต้องทำวันเสาร์
หรือวันอังคารกลางดึกสงัดจึงจะเป็น
– ถ้าจะระเบิดลงไปเดินในมหาสมุทร ท่านให้เขียนธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ใส่กระดาษฟางทำ
ไส้เทียนขี้ผึ้งแท้ ทำ ๑๒ เล่ม ๆ ละหนัก ๑ บาท แล้วเสกด้วยดิน น้ำ ลม ไฟ ๑๐๘ คาบ
จุดเทียนเดินลงในน้ำบริกรรมด้วยธาตุ ลม ดิน ไฟ จะเดินไปไหนให้เดินบริกรรมไปจนถึงจุดหมาย
– ถ้าจะล่องหนหายตัวกำบังกาย เมื่อจวนตัวให้เอาไม้หรือใบยไม้ก็ได้ ใส่ปากกัดไว้
บริกรรมด้วยธาตุ ดิน กับธาตุลม ๗ คาบเดินไปคนไม่เห็นตัว ถ้าใครเห็นพูดไม่ออกเป็นจังงัง
– ถ้าเขาวิ่งไล่เข้ามาจวนตัวหนีไม่ทัน ให้เสกผ้าหรือของสิ่งใดก็ได้ติดตัวไปด้วยนั้น เสก ๓ คาบ
ทิ้งไว้ คนตามมาจะเห็นเป็นตัวเราอยู่ที่นั่น ภาวนาด้วยธาตุดินกับธาตุลม แล้วบริกรรมวิ่งหนีไป
เขาไม่เห็นตัวเลย
ถ้าจะเสดาะลูกตายในท้องให้ออก ทำน้ำมนต์ให้กินด้วยธาตุน้ำกับธาตุลม ๗ คาบ
แล้วพ่นกระหม่อมด้วยธาตุลมลูกจะออกมา แล้วเอาผ้าขาวห่อทารกที่ตาย เสกด้วย
ธาตุดิน ๗ คาบแล้วนำไปฝัง
– ถ้าจะสะกดคนให้หลับทั้งกองทัพ ให้จุดเทียนบูชาเทวดาแล้ว เอาไม้เผาผีตายวันเสาร์
เผาวันอังคารที่เอาไหม้ให้หมด ต้องเซ่นเอามา แล้วเอาใบตองแตก ใบชัยพฤกษ์ ใบหญ้านาง
ขึ้นบนจอมปลวก กำยาม และใบอื่นๆเป็นจำนวนมากมาสุมไฟทางเหนือลมของข้าศึกให้ลม
พัดควันไปถึง สุมไฟไปนั่งบริกรรมเสกด้วยธาตุลมกับธาตุน้ำ ๑๐๘ คาบ ข้าศึกจะหลับหมดสิ้น
– ถ้าจะทำให้กุ้งปลาเป็นจำนวนมาก ให้เอาข้าวสารมาเสกด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ๑๐๘ คาบ
เอาข้าวสารซัดลงไปในน้ำจะกลายเป็นกุ้งปลาเป็นจำนวนมาก
– ถ้าจะทำให้ศัตรูพินาศแพ้ภัย ให้บริกรรมด้วยธาตุไฟและลม เป่าชี้มือไปทางศัตรู แล้วเป่า
ไปเรื่อยๆ ศัตรูสู้ไม่ได้เกิดความร้อนรนเหมือนกับไฟเผาจนหนีกระเจิงไปหมดสิ้น
– ถ้าจะทำการป้องกันไฟ โจรผูร้านท่านให้เอาทรายมาเสก บริกรรมด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม
ไฟ ๑๐๘ คาบ ไปรอบๆบริเวณบ้าน โจรผู้ร้ายหาทางเข้าบ้านไม่ได้เลย ป้องกันภูตผีปีศาจด้วย
พระคาถาทั้ง ๔ ธาตุนี้ ท่านกล่าวว่ามีอานุภาพมาก จะทำสิ่งใดให้ปรารถนาเอา แล้วกระทำการ
ปลุกเสก จะสำเร็จผลตามความมุ่งหมายทุกประการ
ยังมีพระคาถาอีกบทหนึ่งของหลวงพ่อศุข ได้มีพระคณาจารย์เคยใช้ได้ผลมาแล้วมากต่อมาก
มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี ปืนยิงไม่ออก ถ้าออกก็ไม่ถูก ดังนี้
นะ อะสังวิสุโลบุสะภุภะ เพชคงกายยะ สัพพะพันธะนัง ฯ
โม อะสังวิสุโลบุสะพุภะ เพชคงกายยะ สัพพะพันธะนัง ฯ
พุธ อะสังวิสุโลบุสะพุภะ เพชคงกายยะ สัพพะพันธะนัง ฯ
ธา อะสังวิสุโลบุสะพุภะ เพชคงกายยะ สัพพะพันธะนัง ฯ
ยะ อะสังวิสุโลบุสะพุภะ เพชคงกายยะ สัพพะพันธะนัง ฯ
อะสังวิสุโลบุสะพุภะ นะเพชคงกายยะ นะโมพุทธายะมะอะอะฯ
ให้ยกครู ๘ บาท ๑ สลึง ๑ เฟื้อง เทียน ๙ เล่ม ธูป ๙ ดอก หมาก ๙ คำ เมื่อยกครูแล้ว
ส่วนเงิน ๑ สลึง ๑ เฟื้องให้ใส่บาตรพระสงฆ์อุทิศให้ครูบาอาจารย์เสีย
พระคาถาบทนี้ท่านให้เสกผ้าหรือได้ผูกทำเป็นหัวพิรอด ให้เสก ๓-๗ คาบ เมื่อทำเสร็จแล้วให้
ทดลองเอาปืนยิงได้ ถ้าไม่ออกหรือออกไม่ถูกจึงใช้ได้ ถ้ายิงออกไปถูกแล้วยังใช้ไม่ได้ให้
ทำการปลุกเสกขึ้นใหม่ ทดลองจนเห็นผลประจักษ์จึงใช้ได้ ท่านกล่าวว่าถ้าทำการปลุกเสก ขึ้น
ครั้งแรกทดลองยิงไม่ออกหรือออกไม่ถูกแล้วครั้งต่อๆ ไปการปลุกเสกทำขึ้น พลังมนต์ พระคาถา
ก็ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนเช่นเดิม การกระทำปลุกเสกหัวพิรอดนี้ มีพระคณาจารย์ทำขึ้นได้ผลประจักษ์
มาแล้วมากต่อมาก ฉะนั้นท่านพุทธศาสนิกชนผู้มีความเลื่อมใสศรัทธา จะทำไปประกอบกระทำ
พิธีปลุกเสกผูกด้วยเชือกด้ายหรือผ้าขาวทำเป็นหัวพิรอดดังกล่าวแล้ว ให้ท่านระลึกถึงหลวงพ่อศุข
ผู้เป็นบรมครูในวิชานี้ ท่านจะทำขลังและศักดิ์สิทธิ์ได้ผลประจักษ์ทันที
พระคาถาคัดของเสกอาวุธฟันแทงยิงว่าดังนี้
โรปุสุสะวิสุสังพะอะฯ
ท่านให้เสกบรรจุ ๓-๗ คาบ แล้วจึงยิงหรือฟันจะทนทานต่อาวุธนี้ไม่ได้เลย เมื่อต้องอาวุธนี้แล้วจะ
เจ็บปวดดังอสรพิษขบกัดน่าเวทนายิ่งนัก
ตำรายาหลวงปู่ศุข เป็นตำรายาสมุนไพรไทยที่รวบรวมความรู้ทางยาสมุนไพรโบราณไว้มากมาย
รักษาได้หลายโรคในสมัยโบราณที่จะรักษาคนเจ็บป่วยในสมัยท่านยังมีฃีวิตอยู่ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ประกอบด้วย
ยารักษาโรคหัวใจ
ส่วนผสม มะพร้าวอ่อน 1 ผล , ต้นคื่นฉ่ายสด 1 กำมือ
วิธีปรุง เอาผลมะพร้าวอ่อนมาตัดเอาหัวออก เปิดกะลามะพร้าวให้น้ำมะพร้าวหก วางเอาไว้ จัดการเอาต้นคื่นฉ่ายสดมาล้างน้ำให้สะอาด ตัดเป็นท่อนๆใส่ลงไปในน้ำมะพร้าวนั้น เอามาเผาไฟจนน้ำมะพร้าวเดือด อย่าให้น้ำมะพร้าวหกออกมา ถ้าไฟแรงลดไฟลงให้เดือดอ่อนๆจนคื่นฉ่ายผสมกับน้ำมะพร้าวมากๆด้วยเวลาประมาณ 10 นาทเศษ
ขนาดรับประทาน เอาน้ำมะพร้าวนี้ปล่อยไว้ให้อุ่น ดื่มให้หมดวันละ 1 ผล ทำเช่นนี้เป็นเวลา 7 วัน 7 ผล ต่อมารับประทานยานี้วันเว้นวัน ต่อเนื่องกัน 1-2 เดือน อาการของโรคหัวใจจะค่อยทะเลาลงเรื่อยๆ
ยาลดไขมันในร่างกาย
ส่วนผสมของตัวยา ต้นแห้วหมูทั้งห้า 1 กก. ล้างให้สะอาด ดินทรายทั้งหลายเอาออกไปให้หมด เตรียมปรุงยาต่อไป
วิธีปรุงยา เอาต้นแห้วหมูซึ่งล้างสะอาดดีแล้วทั้งต้น ใบ รากและหัวหั่นเป็นชิ้นเล็กๆเอาไปตากให้แห้งสนิท โดยตากหลายแดด เอามาคั่วให้เหลืองกรอบ สุกดีแล้วเก็บเอาไว้ในขวดปิดฝาสนิทป้องกันอากาศรั่วไหลเข้าไปเก็บเอาไว้ใช้ได้นานวัน เวลาต้องการใช้ก็เอามาชงกับน้ำเดือดแบบชงชาจีน เอาน้ำชาแห้วหมูมาดื่นจิบได้
ขนาดรับประทาน ดื่มครั้งละ 1 ด้วยชา แบบดื่มน้ำชาได้เรื่อยๆทั่งวันไม่จำกัด
ยารักษาโรคเบาหวาน
ส่วนผสมของตัวยา ยอดขี้เหล็ก 1 กก. , สารส้ม 100 กรัม น้ำผึ้งแท้
วิธีปรุงยา เอายอดขี้เหล็กมาล้างให้สะอาด ตัดเป็นท่อนสั้นๆเสียก่อนใส่ครกโขลกให้ละเอียด หรือจะเอามาบดก็ได้ อย่าลืมเอาสารส้มใส่ลงไปโขลกหรือบดผสมผสานก้นเข้าไปด้วย ละเอียดดีแล้วเอาออกมาจากครก ผสมกับน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดปลายนิ้วก้อย
ขนาดรับประทาน รับประทานวันละ 1 เม็ด ทุกๆวันเวลาประมาณ 1 เดือนเศษ หากอาการมากโรคมีอยู่มากก็รับประทานวันละ 2 เม็ด ใช้เวลากว่า 1 เดือน
ยาลดความอ้วน
ส่วนผสม ต้น (เถา) บอระเพ็ด 1 กก. , น้ำผึ้งแท้
วิธีปรุงยา เอาเถาบอระเพ็ดสดๆมาตัดเป็นท่อนสั้นๆตากแดดให้แห้งสนิท เอาไปบดให้ละเอียดเอาน้ำฝึ้งแท้มาคลุกผสมผสานเข้าด้วยกัน จึงปั้นเป็นเม็ดลูกกลอน ขนาดประมาณเมล็ดในของผลพุทราไทยเก็บเอาไว้ในขวดปิดฝาแน่นสนิท เอาไว้รับประทานได้นานวัน
ขนาดรับประทาน ครั้งละ 3 เม็ด ก่อนอาหารเช้าทุกวัน ต่อเนื่องจนครบ 1 เดือนเต็ม
ยากรักษาอาการปวดเมื่อย
ส่วนผสมของตัวยา ลูกข่อย 1 ทะนาน , หางไหลเผือก หนัก 20 บาท , กรุงเขามา หนัก 20 บาท
วิธีปรุงยา เอาตัวยาสมุนไพรทั้งหมดตากแดดให้แห้งสนิท เอามาชั่งและตวง จากนั้นบดเป็นผงละเอียดแบบยาผงทั้งหลาย เอามาปั้นเป็นเม็ดขนาดเมล็ดพุทราไทยเก็บเอาไว้รับประทานเป็นยาได้
ขนาดรับประทาน ครั้งละ 2-3 เม็ด ก่อนนอนทุกคืน
ยารักษาโรคหวัด
ส่วนผสมของตัวยา ยาฉุน 1 กำมือ , ดอกมะลิแห้ง 1 กำมือ ,ผิวมะกรูดหั่นตากแห้ง 1 กำมือ
ต้องตากตัวยาสมุนไพรนี้ให้แห้งสนิท แล้วเอามาบดให้ละเอียดต่อมาก็เอามาผสมกับพิมเสน การบูร อย่างละเล็กละน้อยจากนั้นเอายานี้ไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
ขนาดการใช้ เอายานี้ทำเป็นยานัตถุ์ โดยเอามาสูดดมก็ได้ นัดแบบยานัดถุ์ก็ได้ หากนัดไม่ได้ก็เอามาสูดดมบ่อยๆ
ยาแก้โรคปวดศรีษะ
ส่วนผสมของตัวยา ผลมะนาว 1 ผล ,ปูนแดง
วิธีปรุงยา เอาผลมะนาวมาล้วงให้สะอาด เอามีดมาฝานเป็นชิ้นบางๆหนา 3 มม.เอาปูนแดงมาทาลงไปบนมะนาวที่ฝานด้านหนึ่งบางๆ
ขนาดการใช้ยา เอามาปิดไปที่ขมับด้านที่ปวด โดยเอามาทางด้านที่ทาปูนแดงปิดลงไป
ยาแก้โรคผมร่วง
ส่วนผสม เถาบอระเพ็ด หนัก 1 บาท , เถาหัวด้วน หนัก 1 บาท
วิธีปรุง เอาตัวยาสมุนไพรทั้งสองชนิดมาล้างให้สะอาด โขลกให้แหลกละเอียดรวมกัน คั้นเอาแต่น้ำมาใช้ประโยชน์ได้ทันที
ขนาดรับประทาน เอาน้ำคั้นที่ได้มาทาที่ศรีษะให้ทั่วถึงกันหมด หมักเอาไว้นานๆ สัก 1 ชั่วโมง วันละ 1 ครั้ง ปฏิบัติเช่นนี้ไปสัก 1 สัปดาห์
ยารักษาโรคมะเร็ง
ส่วนผสม ข้าวเย้นเหนือ หนัก4 บาท , ข้าวเย็นใต้ หนัก 4 บาท , กำมะถันเหลือง หนัก 4 บาท , กะลามะพร้าวแก่จัดผ่า 4 ส่วน เอา 3 ส่วน
วิธีปรุงยา เอาตัวยาสมุนไพรทุกอย่างล้างให้สะอาด ใส่ลงไปในหม้อดินสำหรับต้มยา ใส่น้ำสะอาดลงไปพอท่วมตัวยาต้มเคี่ยวไปด้วยไฟอ่อนๆ 20 นาที ก็ยกลงปล่อยเอาไว้ให้เย็นลง
ขนาดรับประทาน รินเอาน้ำยานี้มาดื่มกินครั้งละ 1 ช้อนชา รับประทานเป็นน้ำชาไปเรื่อยๆเช้า
กลางวันและเย็น
พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข)
วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
นามเดิม ท่านชื่อ ศุข นามสกุล เกษเวช ต่อมาลูกหลานได้ใช้ เกษเวชสุริยา ก็มี เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน ๔ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีวอก พ.ศ. ๒๓๙๐ ที่บ้านมะขามเฒ่า ( เรียกกันในสมัยนั้น ปัจจุบันเรียก บ้านปากคลอง ) ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท โยมบิดาชื่อ น่วม โยมมารดาชื่อ ทองดี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลนี้ มีบุตรและธิดา ด้วยกัน ๙ คน ( ๑ ) หลวงปู่ศุข ( ๒ ) นางอ่ำ ( ๓ ) นายรุ่ง ( ๔ ) นางไข่ ( ๕ ) นายสิน ( ๖ ) นายมี ( ๗ ) นางขำ ( ๘ ) นายพลอย ( ๙ ) หลวงพ่อปลื้ม
หลวงปู่นั้น ท่านมีลุงคนหนึ่งชื่อ แฟง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลบางเขน จังหวัดพระนคร ( ในสมัยนั้น ) มีอาชีพ ทำสวน ไม่มีบุตรหรือธิดา จึงได้มาขอหลานจากโยมบิดามารดาหลวงปู่ศุขไปเลี้ยง โยมท่านก็อนุญาตให้เลือกเอา ลุงแฟงก็เลือกเอาคนโต หรือ เรียกว่าคนหัวปี คือ หลวงปูศุข เข้าใจว่าขณะนั้นอายุประมาณ ๑๐ ขวบ เมื่อหลวงปู่ศุขไปอยู่กับลุงแฟง เจริญเติบโตที่ตำบลบางเขน จนอายุได้ ๑๘ ปี ก็ได้ภรรยาคนหนึ่งชื่อ สมบุญ อยู่ครองคู่กันโดยประกอบอาชีพทำสวน ต่อมาได้กำเนิดบุตรชาย ๑ คน ชื่อ สอน
การอุปสมบทของหลวงปู่ศุขนั้น ท่านได้อุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๕ ปี ที่วัดโพธิ์บางเขน ( ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโพธิ์ทองล่าง ) โดยมี พระครูเชย จนฺทสิริ วัดโพธิ์บางเขน เป็น พระอุปัชฌาย์ พระถายมเป็นพระคู่สวด การอุปสมบทนี้มีลุงแฟงเป็นผู้อุปการะทั้งสิ้น ส่วนโยมบิดามารดาไม่ได้มาร่วมพิธีด้วย เพราะการเดินทางสมัยนั้นลำบากมาก จากชัยนาทถึงกรุงเทพฯ ก็กินเวลาอย่างน้อย ๒ ถึง ๓ วัน จึงจะถึง
เมื่อได้อุปสมบทแล้วอยู่กับพระอุปัชฌาย์ เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยพอสมควรแล้ว ท่านก็ได้ออกเดินธุดงค์หาที่สงบฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน และวิชาอาคมต่าง ๆ จากสำนักที่มีชื่อเสี่ยงโด่งดังในสมัยนั้นจนชำนาญดีแล้ว จึงกราบลาอาจารย์กลับบ้านเกิดของท่าน โดยมาพักอยู่ที่วัดร้างแห่งหนึ่งข้างหมู่บ้านของท่าน ชื่อวัดอู่ทอง ปัจจุบันนี้เรียกว่า วัดปากคลอง ชาวบ้านแถวนั้นมีความศรัทธาเลื่อมใสจึงนิมนต์ให้ท่านจำพรรษาอยู่ที่นั้น เพื่อที่ว่าจะได้สร้างวัดขึ้นมาใหม่ ดังนั้นท่านจึงได้อยู่ ณ ที่นั้นมาจนท่านมรณภาพ
ในระหว่างที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น ได้เริ่มพัฒนาในท้องถิ่นให้เจริญรุ่งเรืองด้วยจากวัดร้างที่ไม่มีอะไรเลย จนถึง พุทธาวาส ธรรมาวาส และสังฆาวาส เป็นวัดที่สมบูรณ์แบบจนถึงทุกวันนี้ ยังมีพระอุโบสถและมณฑป ปรากฏให้เห็นอยู่ ส่วนการอบรมสั่งสอนนั้นท่านได้แนะแนวการประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ให้เห็นคุณและโทษของผลการปฏิบัติตนในทางที่ดีหรือไม่ดีอย่างไร จนประชาชนแถวนั้นมีความประพฤติดีมีศีลธรรมเป็นส่วนมาก
อนึ่ง มีผู้กล่าวว่าท่านมีวิชาอาคมเวทย์มนต์เก่งมาก สามารถเสกใบไม้ให้เป็นตัวต่อ ตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย เสกก้านกล้วยให้เป็นงูได้ และเรื่องอภินิหารของขลัง คงกระพันชาตรี มีอีกมาก จนถึงกับสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ในราชวงจักรีได้มาทดลองดู เห็นจริงจึงได้ยอมมอบตัวเป็นศิษย์ตั้งแต่นั้นมา และได้วาดภาพพุทธประวัติด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ที่อุโบสถด้านในหน้าอุโบสถ ซึ่งปรากฏจนทุกวันนี้
หลวงปู่ศุข ท่านมีเมตตามากจึงมีศิษย์เป็นอันมากที่มาเรียนวิชาเหล่านี้ ท่านได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูวิมลคุณากร และเป็นเจ้าคณะแขวง ( ปัจจุบันเรียกว่าเจ้าคณะอำเภอ ) เป็นองค์แรกของอำเภอวัดสิงห์ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเมื่อใด
ท่านมรณภาพเมื่อ เดือน ๑ ปีกุน พ.ศ. ๒๔๖๖ ไม่ปรากฏวันที่ที่แน่นอน คำนวณอายุได้ ๗๖ ปี วันสวดพระพุทธมนต์ทำศพอยู่ ๗ วัน ๗ คืน จึงประชุมเพลิง
ปัจจุบันชาวจังหวัดชัยนาทผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ได้ร่วมกันสร้างรูปหุ่นขี้ผึงไว้ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพื่อจะได้ทำการสักการบูชาโดยทั่วกัน กรมทหารเรือเห็นความสำคัญ จึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมมณฑป เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๕ ทำให้ประชาชนทั้งใกล้และไกลต่างจังหวัด หลั่งไหลมาสักการะบูชาทุก ๆ วันมิได้ขาด วัดปากคลองมะขามเฒ่า จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยนาทต่อไป
คาถาอาราธนาพระหลวงปู่ศุข
ตั้งนะโม ๓ จบ : อิติอะระหังสุคะโต เกสโรนามะเต ประสิทธิเม อิหิอะโห นะโมพุทธายะ
คาถาหลวงปู่ศุข : สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทธโธภะคะวาติ มะอะอุ
คาถาบูชาพระพิฆเนศ

ตายายเมืองทองธานี

บทสรรเสริญบูชาพระศิวะ ผู้คืออักขระ 5 พยางค์

โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
นาเคนทะระ หารายะ ตะริโลจะนายะ
ภัสมางคะ ราคายะ มะเหศะวะรายะ
นิตยายะ ศุทะธายะ ทิคัมพะรายะ
ตัสไม นะการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระศิวะ ผู้มีสร้อยพระศอคือพระยานาค มีสามพระเนตร ทรงใช้ขี้เถ้าทาพระวรกาย
เป็นพระเป็นเจ้าสูงสุด ทรงคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ผู้บริสุทธิ์หมดจด ผู้ใช้ทิศเป็นเครื่องนุ่งห่ม
อักษร “นะ” คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
มันทากินี สะลิละ จันทะนะ จะระจิตายะ
นันทิศะวะระ ประมาถะ มะเหศะวะรายะ
มันทาระปุษปะ พะหุปุษปะ สุปูชิตายะ
ตัสไม มะการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระศิวะ ผู้ทรงลูบไล้พระองค์ด้วยน้ำจากแม่น้ำคงคาสวรรค์และกระแจะจันทน์
ผู้เป็นเจ้าสูงสุดควบคุมพระโคนนทิและหมู่ภูติผีปีศาจผู้เป็นบริวาร ผู้ได้รับการบูชาด้วยดอกมันทาระและดอกไม้มากมาย
อักษร “มะ” คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
ศิวายะ เคารีวัทนาพะชะวะ รินทะ
สูระยายะ ทักษะ ธะวะระ นาศะกายะ
ศรีนีละกัณทายะ วะรึษะ ธะวะชายะ
ตัสไม ศิการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระศิวะ ผู้เป็นความดีความหลุดพ้น
ผู้ทำให้พระพักต์ที่งามเหมือนดอกบัวของพระนางปารวตีเบิกเบานเช่นเดียวกับที่พระอาทิตย์ทำให้กลุ่มดอกบัวบาน
ผู้ทำลายพิธีบูชายัญของท้าวทักษะ ผู้มีพระศออันงดงามเป็นสีน้ำเงิน ผู้มีรูปพระโคอยู่ในธงประจำพระองค์
อักษร “ศิ” คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
วะสิษฐะ กุมโภทะภะวะ เคาตะมารยะ
มุนีนะทะระ เทวาระจิตะ เศขะรายะ
จันทราระกะ ไวศะวานะระ โลจะนายะ
ตัสไม วาการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระเศียรของพระศิวะได้รับการบูชาโดยมุนีเลิศ คือ ฤาษีวสิษฐะ ฤาษีอคัสตยะ ฤาษีเคาตมะ เป็นต้น
พวกเทวดามีพระอินทร์ พระอาทิตย์ พระจันทร์ เป็นต้น
“วา” คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
ยักษะ สะวะรูปายะ ชะตาธะรายะ
ปินากะ หัสตะตายะ สะนาตะนายะ
ทิวะยายะ เทวายะ ทิคัมพะรายะ
ตัสไม ยะการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระศิวะ ผู้ทรงอยู่ในรูปของยักษ์ ทรงมุ่นมวยผม
ทรงธนูปินากะที่เป็นพระเป็นเจ้าที่มีมาแต่ดั้งเดิมอยู่ในสวรรค์ ที่เป็นเทพผู้เปลือยพระวรกาย
อักษร “ยะ” คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
(ขอพรตามประสงค์ จากนั้นกล่าวคำว่า โอม ศานติ ศานติ ศานติ เพื่อขอความสงบสุขแก่สรรพชีวิต)
บทสวดบูชาท้าวจตุโลกบาล (แบบย่อ)
นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(แบบย่อ)
ปุริมัง ทิสัง ธะตะรัฏ โฐ
ทักขิเณนะ วิรุฬหะโก
ปัจฉิเมนะ รูปักโข กุเวโร
อุตตะรัง ทิสัง จัตตาโร เต
มะหาราชา สะมันตา จะตุโร ทิสา
ทัพทัฬหะมานะ อัฏฐังสุ
สะทา โสตถิง กะโรนตุโน
คาถาอัญเชิญท้าวมหาราชทั้ง 4 และคาถาชุมนุมเทวดา
ปุริมัญจะ ทิสัง ราชา ธะตะรัฏโฐ ปะสาสะติ
สวดอัญเชิญท้าวธตรฏฐ์
คันธัพพานัง อาธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส ปุตตาปิ ตัสสะ
พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา อิทธิมันโต ชุติมันโต
วัณณะวันโต ยะสัสสิโน โมทะมานา อัฏฐังสุ ฯ
แปล คาถาบูชาท้าวธตรฏฐ์ (ท้าวธตรฏฐ์ เป็นท้าวมหาราช เป็นผู้มียศ ผู้เป็นใหญ่แห่งคนธรรพ์ทั้งหลาย เป็นเทวราชาผู้ปกครองอยู่ด้านทิศตะวันออกแม้เทวดาผู้เปรียบเหมือนบุตรของท่านเป็นอันมาก มีนามว่าอินทกะเหมือนกันหมด ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก มีรัศมี มียศต่างก็มีความยินดีได้มายืนอยู่แล้ว)
ทักขิณัญจะ ทิสัง ราชา วิรุฬโห ตัปปะสาสะติ
สวดอัญเชิญท้าววิรุฬหก
กุมภัณฑานัง อาธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส ปุตตาปิ ตัสสะ
พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา อิทธิมันโต ชุติมันโต
วัณณะวันโต ยะสัสสิโน โมทะมานา อัฏฐังสุ ฯ
แปล คาถาบูชาท้าววิรุฬหก (ท้าววิรุฬหก เป็นท้าวมหาราช เป็นผู้มียศ ผู้เป็นใหญ่แห่งกุมภัณฑ์ทั้งหลาย เป็นเทวราชาผู้ปกครองอยู่ด้านทิศใต้ แม้เทวดาผู้เปรียบเหมือนบุตรของท่านเป็นอันมาก มีนามว่าอินทกะเหมือนกันหมด ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก มีรัศมี มียศ ต่างก็มีความยินดีได้มายืนอยู่แล้ว)
ปัจฉิมัญจะ ทิสัง ราชา วิรูปักโข ปะสาสะติ
สวดอัญเชิญท้าววิรูปักษ์
นาคานัง อาธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส ปุตตาปิ ตัสสะ
พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา อิทธิมันโต ชุติมันโต
วัณณะวันโต ยะสัสสิโน โมทะมานา อัฏฐังสุ ฯ
แปล คาถาบูชาท้าววิรูปักษ์ (ท้าววิรูปักษ์ เป็นท้าวมหาราช เป็นผู้มียศ ผู้เป็นใหญ่แห่งนาคทั้งหลาย เป็นเทวราชาผู้ปกครองอยู่ด้านทิศตะวันตก แม้เทวดาผู้เปรียบเหมือนบุตรของท่านเป็นอันมาก มีนามว่าอินทกะเหมือนกันหมดล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก มีรัศมี มียศ ต่างก็มีความยินดีได้มายืนอยู่แล้ว)
อุตตะรัญจะ ทิสัง ราชา กุเวโร ตัปปะสาสะติ
สวดอัญเชิญท้าวเวสสุวรรณ
ยักขานัง อาธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส ปุตตาปิ ตัสสะ
พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา อิทธิมันโต ชุติมันโต
วัณณะวันโต ยะสัสสิโน โมทะมานา อัฏฐังสุ ฯ
แปล คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร (ท้าวเวสสุวัณ) เป็นท้าวมหาราช เป็นผู้มียศ ผู้เป็นใหญ่ แห่งยักษ์ทั้งหลาย เป็นเทวราชาผู้ปกครองอยู่ด้านทิศเหนือ แม้เทวดาผู้เปรียบเหมือนบุตรของท่านเป็นอันมาก มีนามว่าอินทกะเหมือนกันหมด ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก มีรัศมี มียศ ต่างก็มีความยินดีได้มายืนอยู่แล้ว)
บทสวดบูชาท้าวจตุโลกบาล (แบบย่อ)
ตั้งนะโม ๓ จบ
ปุริมัง ทิสัง ธะตะรัฏ โฐ ทักขิเณนะ วิรุฬหะโก
ปัจฉิเมนะ รูปักโข กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง
จัตตาโร เต มะหาราชา สะมันตา จะตุโร ทิสา
ทัพทัฬหะมานะ อัฏฐังสุ สะทา โสตถิง กะโรนตุโน
สวดขอให้ท่านคุ้มครอง รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง และอธิษฐานขอความเป็นสิริมงคล อำนาจ บารมี โภคทรัพย์ รวมถึงมงคลทั้งปวง
คาถา โองการท้าวมหาราชทั้งสี่ (ท้าวจตุโลกบาล)
ปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต
สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภู ตานุกัมปิโน
เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน
นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน
โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พราหมะณัสสะวุสีมะโต
กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ
อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สักยะปุตตัสสะ สิรีมะโต
โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง
เย จาปิ นิพพุตาโลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง
เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา
หิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง
วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง ฯ
วิชชาจะระณะสัมปันนัง วันทามะ โคตะมันติ
ป้องกัน ทั้งโรคภัย สัตว์ อสรพิษ อสูร ภูตผี ปีศาจ และมนุษย์
บทชุมนุมเทวดา
สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน
ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา
ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ
(ขอเชิญเหล่าเทพเจ้า ซึ่งสถิตอยู่ในสวรรค์ ชั้นกามภพก็ดี ชั้นรูปภพก็ดี และภูมิเทวดาซึ่งสถิตอยู่ในวิมาน หรือบนยอดเขาและในหุบเขา ในอากาศ ในเกาะ ในแว่นแคว้น ในบ้าน บนต้นไม้และในป่าชัฏ ในเรือน และในไร่นาก็ดี ตลอดถึง ยักษ์ คนธรรพ์ และนาค ซึ่งสถิตอยู่ในน้ำ บนบกและที่อันไม่ราบเรียบก็ดี ซึ่งอยู่ในที่ใกล้เคียง จงมาประชุมพร้อมกันในที่นี้ ขอท่านสาธุชนทั้งหลายจงตั้งใจฟังคำของพระมุนีผู้ประเสริฐที่เรากล่าวอยู่นี้….)
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
สวดภาวนา 3 ครั้ง
ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลสำหรับฟังธรรม..
สำหรับพุทธศาสนิกชนนั้น ต่างนับถือท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 จะเชิญมารักษางานต่างๆ เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ งานฉลองวัด งานทำบุญ การขอความคุ้มครองในวันปีใหม่ทุกปี
ท้าวจตุโลกบาล ทั้ง 4 จีน (ท้าวจาตุมหาราช) “ซี้ไต๋เทียงอ้วง” “ซือต้าเทียนหวัง”
พระพุทธเจ้าทรงมอบ พระธรรม ไว้แก่ ท้าวจาตุมหาราช หรือ ท้าวจตุโลกบาล ทั้ง 4 เก็บรักษา ให้เป็นผู้คุ้มครองรักษาพระศาสนา และนอกจากนี้ ยังพิทักษ์รักษาประเทศชาติ และพุทธบริษัทอีกด้วย หากผู้ใดยึดมั่นใน พระธรรม ก็จะอำนวนความสุขสวัสดิ์
- ท้าวธตรฐมหาราช “ฉือกั๋วเทียนหวัง” เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ปกครองทิศบูรพา เป็นเทพเจ้าผู้ดูแลเหล่าคนธรรพ์ (เที้ยว คือ ถูกต้อง) ถือพิณเป็นอาวุธ
- ท้าววิรุฬหกมหาราช “เจิงจ่างเทียนหวัง” เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ปกครองทิศทักษิณ เป็นเทพเจ้าผู้ดูแลเหล่ากุมภัณฑ์ (โหว คือ ฝน) ถือร่มเป็นอาวุธ
- ท้าววิรุฬปักข์มหาราช “กว่างมู่เทียนหวัง” เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ปกครองทิศปัจฉิม เป็นเทพเจ้าผู้ดูแลเหล่านาค (ฮวง คือ ลม) ถือดาบและงูเป็นอาวุธ
- ท้าวกุเวรมหาราช (เวสสุวรรณ) “ตัวเหวินเทียนหวัง” เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ปกครองทิศอุดร เป็นเทพเจ้าผู้ดูแลเหล่ายักษ์ (สุง คือ ราบรื่น) ถือเจดีย์เป็นอาวุธ


คาถาบูชาจ้าวปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธ
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา
นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา
นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา
นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
เมตตัญจะมหาลาโภปิโยนาคะ ขันธปริตตัง
คาถาบูชาพญาศรีสัตตนาคราช
คาถาบูชาพญาศรีสัตตนาคราช
จุดธูปหอม 19 ดอก พวงมาลัยดอกมะลิ 1 พวง
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3จบ)
กาเยะนะ วาจายะ วะ เจตะสาวา
อิมัง สิริสัตตะนาคะ ราชะนามะกัง
อะหัง วันทามิ สัพพะทา
สัพพะโสตถี ภะวันตุ เม
คำแปล
ข้าพเจ้า ขอน้อมกาย วาจา
และจิตใจ กราบไว้วันทา
พญานาคะราช นามว่า
ศรีสัตตนาคราชตนนี้
ขอความสุขสวัสดี จงบัง
เกิดมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญ

บทสวดเจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา สวดภาวนาเสริมมงคล


พระคาถาอิติปิโสถอยหลัง
ติ วา คะ ภะ โธ พุท นัง สา
นุส มะ วะ เท ถา สัต ถิ ระ
สา มะ ทัม สะ ริ ปุ โร ตะ
นุต อะ ทู วิ กะ โล โต คะ
สุ โน ปัน สัม ณะ ระ จะ ชา
วิช โธ พุท สัม มา สัม หัง ระ
อะ วา คะ ภะ โส ปิ ติ อิฯ
สวด 1 จบ พระคาถาบทนี้ศักดิ์สิทธิ มีคุณวิเศษดลให้แคล้วคลาด ปลอดภัย จากทั้งอันตรายและเคราะห์ร้ายต่างๆ มิว่าไปแห่งไหนจะมีคนเมตตารักใคร่สืบไปหัวใจ
พระอิติปิโส อนุโลมอะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะหัวใจ
พระอิติปิโส ปฎิโลมภะ พุ สะ ปุ โล สุ วิ สัง อะ
